
Japan Trip : รวมของอร่อย โตเกียว
สวัสดีค่ะ
ทริปนี้เราจะพาทัวร์ญี่ปุ่นอีกแล้ว!! หลังจากทริปที่แล้ว สนุกและประทับใจมากกับการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรก หลายๆคนบอกเราว่า ไปครั้งแรกเดี๋ยวครั้งสองก็ตามมาติดๆ อันนี้เรื่องจริงนะเพราะหลังกลับจากทริปแรกไม่ถึง 5 เดือน เราก็มีตั๋วโตเกียวมากอดอยู่ในมือแล้วเป็นการเที่ยวซ้ำที่เดิม นอกจากจะซ้ำประเทศแล้วยังซ้ำเมืองอีกด้วยแต่สำหรับญี่ปุ่นสิบครั้งก็ซ้ำไหวเนอะ และด้วยความที่ทริปนี้เรามีผู้ใหญ่ไปด้วยการเดินทางก็จะเป็นแบบสโลว์ๆนิดนึง เน้นเที่ยวแค่บางจุดสำคัญๆ เดินเล่นนิดๆหน่อยๆ เน้นกินมากที่สุด รีวิวนี้ก็เลยจะมาบอกข้อมูลร้านอาหารอร่อย ๆ ทั้งร้านที่มีชื่อเสียงและร้านที่เดินไปเจอโดยบังเอิญให้ชมกัน ส่วนใหญ่จะเน้นที่ราคาไม่แพงมาก โดยแยกเป็นโซน ๆ ไปนะคะ เตรียมพุงให้พร้อมแล้วก็ไปชมกันเลย……
ทริปนี้เราใช้บริการแอร์เอเซียอีกแล้ว ด้วยความต้องการของสมาชิกในทริปที่อยากบินตรงไม่อยากเสียเวลาต่อเครื่องแล้วตัวเลือกในการบินตรงในราคาที่ไม่แพงแอร์เอเซียก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในด้านราคา บวกกับราคาช่วงที่เราจองนั้น มีโปรโมชั่นแลกแต้ม Big point พอดี ทริปนี้ก็จ่ายค่าตั๋วไปแค่ 7694 บาทเท่านั้นเองค่ะ (ไม่รวมโหลดกระเป๋า เลือกที่นั่งและอาหารนะคะ)
เคาน์เตอร์เช็คอินเปิด 3 ชั่วโมงก่อนเวลาออกเดินทาง
สำหรับทริปนี้เราเลือกที่นั่ง Quiet Zone คือ โซนพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความเงียบสงบระหว่างการเดินทาง โซนนี้จะจำกัดอายุผู้โดยสารมากกว่า 10 ปีขึ้นไปเท่านั้น เพราะฉนั้นไม่มีเสียงเด็กๆมากวนใจแน่นอน ภายในห้องโดยสารไฟจะเป็นโทนสีฟ้าสบายตาเหมาะแก่การนอนมากๆ ถ้าจะซื้อที่นั่งแนะนำให้เลือก Quiet Zone ไปเลยค่ะ
การเดินทาง จากสนามบินเข้าเมือง
ครั้งนี้เราพักที่ Asakusa ค่ะ ถึงสนามบินแล้วเราก็มาสอบถามและซื้อตั๋วที่เค้าน์เตอร์ Keisei ตรงนี้เลย ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้เรา 2 สาย คือ Keisei Access Express หรือ Keisei Main Line ครั้งนี้เราใช้บริการของ Keisei Main Line ในราคา 1100 เยนถึง Asakusa เลย ถือว่าราคาประหยัดแต่ก็ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานเหมือนกัน
จาก Narita Terminal 2 ต้องมาลงที่สถานี Aoto ใช้เวลาเกือบ 50 นาที เพื่อต่อรถไฟไปสถานี Asakusa อีกเกือบ 15 นาที โดยรวมแล้วก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงได้ค่ะ
จริงๆแล้วจะมีขบวน Access Express ที่ยิงยาวไปถึง Asakusa เลยนะคะ มีเป็นช่วงเวลาไม่กี่ขบวน ยังไงลองเช็ครายละเอียดได้จากที่นี่เลยค่ะ
http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/us/timetable/index.php#narita1_kml
การเดินทางในโตเกียวทริปนี้ เราใช้ Tokyo Subway Ticket 3 Day นะคะ ราคาอยู่ที่ 1500 Yen ซื้อได้ที่สนามบินนาริตะ Counter จำหน่ายตั๋ว Keisei Bus ได้เลยค่ะ
ราคาตามนี้
Tokyo Subway 24-hour Ticket – ผู้ใหญ่: 800 เยน เด็ก: 400 เยน
Tokyo Subway 48-hour Ticket – ผู้ใหญ่: 1,200 เยน เด็ก: 600 เยน
Tokyo Subway 72-hour Ticket – ผู้ใหญ่: 1,500 เยน เด็ก: 750 เยน
ในภาพนี้ของเรายังเป็นแบบเก่าอยู่นะคะ ปัจจุบันนี้จะเป็นแบบ 24 ชั่วโมงแล้วนะคะ
มาเริ่มชิมกันที่ Asakusa กันนะคะ อย่างที่บอกว่า ทริปนี้เราพักกันที่ Asakusa การกินและใช้ชีวิตส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่นี่ซะเป็นหลักค่ะ
การเดินทาง
Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีส้ม) ลงสถานี G19-Asakusa ทางออก 1, 3
Toei Line สาย A-Asakusa Line (สีส้มแดง) ลงสถานี A18-Asakusa ทางออก A4
Tempura Daikokuya
เริ่มด้วยร้าน เทมปุระชื่อดังของย่านอาสะกุสะ ร้านนี้มีชื่อเสียงยาวนานมาถึงร้อยปี เป็นร้านที่บรรยากาศด้านนอกดูไม่ค่อยเหมือนร้านอาหารเท่าไร แต่สังเกตได้ง่ายเพราะจะมีคิวยาวมากโดยเฉพาะช่วงเที่ยงๆหรือบ่าย มื้อนี้เราไปช่วงสายๆแต่ก็รอเกือบ 10 คิวได้ค่ะ แต่หลังจากเราทานออกมาแถวนี้ยาวเกิน 40 คนได้ค่ะ
สำหรับการเดินทางง่ายๆเลย ออกจากวัด Senjoji เจอแยกแรกนี้ก็เลี้ยวขวาเดินตรงมาไม่ไกลก็เจอร้านแล้วค่ะ
เมนูของทางร้านก็จะเป็นเทมปุระ ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ (ร้านมีเมนูภาษาอังกฤษนะคะ)โดยราคาจะค่อนข้างสูงเหมือนกันถ้าเป็น Tendon จะอยู่ที่ 1550-1950 เยน มื้อนี้เราเลยเลือกเป็นแบบเทมปุระล้วนๆแล้วสั่งข้าวเพิ่มค่ะ
จานซ้ายมือ Three prawns & One Kisu Fish ราคา 1700 เยน
จานขวามือ Three prawns & One Mixed-Tempura 1800 เยน
และสั่งข้าวเพิ่มอีก 2 ถ้วยค่ะ รวมแล้วมื้อนี้ 4040 เยนค่ะ มื้อนี้ทานได้ 3 คนอิ่มกำลังดีนะ
เทมปุระของที่นี่จะมีหน้าตาต่างจากที่เราเคยกินพอสมควร สีจะออกเข้มๆหน่อย ตัวแป้งจะค่อนข้างหนาและกรอบมาก กุ้งได้ตัวใหญ่เต็มคำ ส่วนรสชาตินั้นก็ถือว่า กลางๆค่ะ ไม่ถึงกับประทับใจมากแต่ก็ไม่ผิดหวังคุ้มค่ากับการมาลองอยู่ค่ะ
ปิดท้ายด้วยชาร้อนๆหอมๆ ช่วยบรรเทาความหนาวได้ดีมากๆ
ร้าน Asakusa Menchi
Menchi-Katsu ร้านดัง เป็นอีกร้านที่มีคนต่อคิวยาวอีกเช่นกัน เป็นหมูทอดที่รสชาติจะต่างจากที่เคยชิมมากๆ ด้านนอกจะเป็นเกล็ดขนมปังที่ทอดจนกรอบกัดเข้ามาข้างในจะเป็นเนื้อชุ่มฉ่ำ หอมอร่อยมากค่ะ ติดใจมาก แต่กลับไปทานอีกรอบไม่ไหวเพราะคิวยาวมาก (ราคาชิ้นละ 200เยน)
ร้าน Asakusa Menchi จะอยู่เยื้องๆกับร้าน Daikokuya
มาต่อกันที่ร้านชิกุวะ ร้านนี้ (鈴廣かまぼこ浅草店)
การเดินทาง จากร้าน Daikokuya ก็เดินเข้ามาในซอยข้างๆร้านประมาณ 100 เมตรจะเจอร้านอยู่ขวามือ ร้านนี้มีขายหลายอย่างทั้งขนมและอีกหลายๆเมนูเลย
Sa Wa Wa Japanese Maccha Sweets
มาต่อกันที่ร้านชาเขียวที่หอมอร่อยมากๆอีกร้าน ร้านนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าวัด Senjoji เลยค่ะ ถ้าเดินออกจากวัดมาเลี้ยวมาทางซ้าย ก็เจอร้านแล้วค่ะ (ทางเดียวกับที่ไปห้องน้ำด้านข้างๆวัด) ในร้านก็จะมีชาเขียวขายสารพัดรูปแบบทั้งขนมและเครื่องดื่ม
ชาเขียวร้อนรสชาติเข้มข้นมากไม่หวานจนเกินไป ชาร้อนๆกับอากาศหนาวๆนี่ฟินมาก
มาต่อด้วย ดังโงะ ร้านนี้อร่อยถูกใจตรงที่ชิ้นเล็ก เหนียวกำลังดี
เดินเล่นถนน Nakamise กันต่อตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยขนมและของกินเยอะมากๆเราก็แวะกันเกือบแทบทุกร้าน อิ่มจนแทบกลิ้งเลยทีเดียว
Ramen
ร้านนี้อ่านชื่อไม่ออกอีกแล้ว แต่เป็นร้านราเมนที่เราชอบพอสมควรเลย จากที่ชิมมาหลายๆร้าน ร้านนี้ถือว่าอร่อยมากน้ำซุปเข้มข้นได้หมูชิ้นหนาๆเต็มปากเต็มคำ (ส่วนนี้ปลื้มสุด)
ทีเด็ดสุดก็เกี๊ยวซ่า เราชอบรสชาติแบบนี้มากๆ
ร้านนี้ป้ายสีแดงๆ เป็นห้องเล็กๆ อยู่ใกล้ๆแยก ฝั่งตรงข้ามเบอเกอร์คิงส์
(ภาพหน้าร้านจาก Google maps นะคะ)
Isomaru Suisan
ปิดท้ายย่านอาสะกุสะ ด้วยร้านโปรดที่สุดของเรา ที่ตั้งใจเลยว่ามีญี่ปุ่นทุกครั้งต้องแวะร้านนี้ เพื่อมันปูของโปรด เมนูของร้านนี้ก็แนวๆ ซีฟู้ด แต่เมนูข้าวก็มีให้เลือกเยอะนะคะ
บรรยากาศในร้านชิคๆ เหมาะแก่การกินดื่มมากๆ ร้านนี้เปิด 24 ชั่วโมงด้วยนะคะ
มาแล้วพระเอกของเรา Crab Miso ราคาชิ้นละ 499 เยนเท่านั้นเอง ย่างพอเดือดปุดๆแล้วคลุกกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมากๆ
หอยเชลล์ตัวโตๆอวบๆ ชิ้นละ 399 เยน เนื้อหวานเด้งมากๆ ชิ้นนึงแบ่งทานได้หลายคำเลย
ข้าวหน้าต่างๆ ก็ถือว่าพอใช้ได้ ไม่ถึงกับอร่อยมากเท่าไร
Gokutangyu Masamune Shibuya Center Street
ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆอยู่ท่ามกลางแหล่งช้อปปิ้งเลยค่ะ เมนูต่างๆของร้านนี้ดูน่าสนใจ เป็นพวกเมนูเนื้อย่างต่างๆ เมนูที่ดึงดูดให้เราเลือกกินร้านนี้ก็คือ ลิ้นวัวย่างตามป้ายนี้เลย
หน้าร้านเป็นบันไดเล็กๆเดินลงมากินกันที่ชั้นล่างค่ะ
เราสั่งเป็นแบบชุด ชุดนี้สำหรับ 2 ที่ ราคา 2960 เยน มีทั้ง เนื้อ, หมู,ไก่ เนื้อลายสวยมากๆ นุ่ม รสชาติอร่อย
และเมนูเด็ดของเรา ลิ้นวัวย่าง ทั้งชุดนี้ราคา 1580 เยน ได้ปริมาณเยอะคุ้มและอร่อยมากๆ ตอนแรกๆก็แอบกลัวนะคะ ลิ้นวัวจะเหม็นไหมแต่พอผ่านครั้งแรกไป ติดใจมาก
ปิดท้ายด้วย Seared Pickled Mackerel จานนี้สมาชิกในทริปบอกว่าอร่อย ส่วนเราไม่ชอบเลย กลิ่นออกคาวๆเนื้อแปลกๆ แล้วแต่ความชอบจริงๆเนอะ จานนี้ 780 เยน
Takeshita Street ซึ่งเป็นถนนที่ถือว่าเป็นศูนย์รวมการช้อปปิ้งอีกแห่งหนึ่งในย่านฮาราจุกุที่ได้รับความนิยมมาก คนแน่นตลอดสองข้างทางเป็นอีกที่ที่เราชอบมาก มีของให้ช้อปปิ้งเยอะมาก ทั้งร้านเครื่องสำอาง ไดโซะ เสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้าสวยๆ ที่ไม่ใช่แบรนด์ดังแต่เป็นแนวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหลายร้านลดราคากันกระหน่ำมากๆ
Totti Candy Factory ร้านสายไหมน่ารักๆ ที่สามารถทำเป็นรูปต่างๆได้ ริมถนนนี่ถือสายไหมร้านนี้กันแทบทุกคนของเราทำเป็นรูปหัวใจ แต่ออกมาไม่ค่อยเหมือนเท่าไรเนอะ
Croquant Chou Zakuzaku
ขนมร้านดังที่คิวยาวมากๆ ขนมร้านนี้จะเป็นอัลมอนด์ครีมสติ๊ก คล้ายๆชูครีมอบกรอบด้านนอกเป็นแป้งกับอัลมอนด์ สอดไส้ด้วยคัสตาร์ดครีมหอมนุ่มเนียนละลายในปาก อร่อยมากๆแนะนำเลยว่าต้องลองคุ้มค่ากับการต่อคิวค่ะ
Tenya
มื้อค่ำนี้เรากินกันแบบง่ายๆ เลยฝากท้องกันไว้ที่ Tenya ร้านนี้ที่เมืองไทยก็มีเนอะ แต่ก็อยากลองแบบต้นตำรับ โดยรวมแล้วรสชาติอร่อยเหมือนบ้านเราเลย ก็ถือเป็นตัวเลือกอาหารราคาประหยัดได้นะคะ
Tsukiji Sushi Say
การเดินทาง สถานี Tsukijishijo ทางออก A1
ร้านนี้เป็นร้านที่เราสุ่มเอาค่ะ เห็นว่าคิวยาวและส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นก็เลยไปต่อคิวตามเค้าเพิ่งมารู้ว่าเป็นร้านดังที่เราคุ้นเคยก็ตอนเห็นชื่อร้านจากนามบัตรค่ะ
บรรยากาศร้านมีสองชั้น ชั้นบนจะเป็นเค้าเตอร์บาร์ นั่งกินไปชมเชฟทำอาหารไปเพลินๆดี
เมนูอาหารก็มีให้เลือกหลายแบบถ้าเป็น Okamase ราคาจะอยู่ที่ 3600 เยน แต่มื้อนี้เราสั่งเป็นแบบชิ้นนะคะ
เริ่มด้วย Salmon Sashimi ร้านนี้คือดีงามมาก ถ้าจำไม่ผิดราคาอยู่ที่ 800 เยนค่ะ เนื้อปลาสดหวานมาก กลิ่นหอมเนื้อนุ่มเนียน ตั้งแต่กินซาชิมิมาร้านนี้คือปลื้มสุดแต่ข้อเสียก็คือชิ้นบางไปหน่อย ไม่ค่อยเต็มคำเท่าไร
มาต่อกันด้วยซูชิ
ส่วนคำนี้เป็นปู เราเพิ่งเคยกินแบบนี้ ถือว่าปลื้มค่ะ เนื้อหวานมากๆ
Otoro ตกคำละ 500กว่าเยน อร่อยละลายในปาก
แซลมอน คือดีงาม ตกชิ้นละประมาณ 160 เยน
ปิดท้ายด้วยซูชิโรล รวมทั้งหมดมื้อนี้ 5670 เยน สำหรับเราถือว่าคุ้มมากค่ะ สำหรับ 3 คน แต่ไม่ถึงกับอิ่มนะ
Kitsuneya
มาต่อกันด้วยร้านข้าวหน้าเนื้อในตำนาน ร้านนี้เรารู้จักจากรายการทีวีญี่ปุ่นรายการนึงที่ทุกคนการันตีเป็นเสียงเดียวกันว่ะ รสชาติอร่อยมาก
ร้านอยู่ติดริมถนนเลย ถ้าออกจากรถไฟมาก็คือเดินตรงมาเลย จะมีร้านอาหารริมทางเยอะๆ แล้วเดินตามกลิ่นเนื้อมาได้เลยค่ะ ไม่หลงแน่นอน ฮ่าๆ
คุณป้าที่ขายข้าวร้านนี้ค่อนข้างดุนะคะ ใครผ่านไปผ่านมาถ้ายกกล้องขึ้นถ่ายภาพแกจะดุเลย
เมนูของร้านก็จะเป็นข้าวหน้าเครื่องในวัว,ข้าวหน้าเนื้อ, ข้าวหน้าเนื้อใส่เต้าหู้ เมนูมีแต่ภาษาญี่ปุ่นนะคะ เราก็สั่งแบบสุ่มๆไป 2 ชาม ได้มาหน้าตาแบบนี้เลย
ข้าวหน้าเนื้ออร่อยดี เข้มข้นมาก แต่เนื้อบางไปหน่อยไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไร แต่โดยรวมแล้วก็คุ้มกับเวลาที่ต่อคิวนะคะ
บรรยากาศหน้าร้านเต็มไปด้วยผู้คนที่รอคิวกันอยู่
ระหว่างทางเดินในตลาดอย่าลืมชิม หอยเชลล์ย่าง ไข่หวานและไดฟุกุด้วยนะ
ไดฟุกุ สตรอเบอรี่ อร่อยจริงๆ สตรอเบอรี่ลูกใหญ่หวาน
ไข่หวาน แบบหวานจริงๆ
Tokyo Station
สถานีโตเกียวนี้เป็นสถานีใหญ่ ที่ภายในสถานีมีร้านต่างๆ ทั้งอาหาร ขนมและของฝากเยอะมากๆ มื้อนี้เรามาลองกินราเมนกันที่ Ramen Street ซึ่งเป็นจุดที่รวบรวมราเมนร้านดังๆไว้ด้วยกัน
Ramen Street ตั้งอยู่ที่ ชั้น B1 สถานี Tokyo ฝั่ง Yaesu
วันนี้เราเลือกร้าน Hirugao ราเมนของร้านนี้จะเป็นน้ำซุปเกลือ
สั่งอาหารด้วยการหยอดจากตู้ เมนูมีให้เลือกไม่เยอะเท่าไรค่ะ
หน้าตาราเมนจะออกมาแบบซุปใสๆ รสชาติก็จืดๆแต่มีกลิ่นหอมของน้ำซุป ถ้าคนชอบแนวนี้น่าจะถูกใจ แต่เราชอบแบบน้ำข้นๆเข้มๆเค็มๆมากกว่า เลยไม่ค่อยปลื้มเท่าไรนัก (แต่ก็ซดหมดชามนะ)
ชามนี้มีเกี๊ยวด้วย หน้าตาคล้ายๆชายสี่บ้านเราเลย
Lotteria สาขา UENO
อยู่ฝั่งตรงข้าม Ameyayokocho มีขนมหน้าตาน่ารักๆให้เลือกเยอะมาก ด้านในจะมีทั้งขนม อาหาร ร้านกาแฟ บรรยากาศสบายๆเหมาะแก่การมานั่งพักผ่อน
ขนมโดยรวมๆแล้ว หน้าตาน่ารัก มีการปั๊มลายการ์ตูนน่ารักและมีขนมรูปร่างต่างๆเยอะมาก แต่รสชาติกลางๆไม่ถึงกับอร่อย
ต่อด้วยข้าวหน้าหมูกันต่อ ร้านนี้ตั้งอยู่ในตลาดอะเมะโยโกะ เป็นร้านเล็กๆ อยู่ฝั่งตรงข้ามร้าน Mode Off (เราอ่านชื่อร้านไม่ออก ใครอ่านออกช่วยทีนะคะ) เมนูในร้านก็จะเป็นข้าวหน้าต่างๆ เวลาซื้อก็กดจากเครื่องค่ะ ส่วนใหญ่เป็นหมูนะคะเป็นร้านที่อยากแนะนำ เพราะรสชาติค่อนข้างถูกปากเรามาก (พนักงานก็หล่อมากด้วย)
เริ่มที่จานแรก มาแบบหมูทะลักเลย หมูนุ่มรสชาติเข้มข้นมาก โปะด้วยไข่ลวกนี่ฟินสุด
จานนี้หน้าตาอาจจะสู้จานแรกไม่ได้ แต่ก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ
จานนี้เน้นสุขภาพ ผักเยอะๆ
ปิดท้ายด้วยเกี๊ยวซ่า
การเดินทางมาร้านนี้ไม่ยากเลยค่ะ เดินตรงมาที่ร้าน Mode Off ร้านจะอยู่ฝั่งตรงข้ามเลย
ภาพหน้าร้านจาก Google maps
Midori Sushi ร้านตั้งอยู่ที่ห้าง Seibu Ikebukuro ชั้น 8 เป็นร้านชื่อดังที่ทั้งอร่อยและราคาประหยัด ในร้านก็จะมีซูชิแบบจานหมุนและสั่งจากเมนู จานหมุนก็จะมีแต่เมนูเดิมๆซ้ำๆไม่กี่อย่าง ราคาต่อจานก็ถือว่าไม่แพงมาก เริ่มที่ 100-500 เยน สั่งจากเมนูจะดีกว่าเพราะเลือกเมนูที่ต้องการได้
ข้อดีของร้านนี้ที่เราชอบมากๆก็คือ ข้าวคำไม่ใหญ่มากและได้เนื้อปลาชิ้นโตๆเต็มคำ รสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยเลย
เริ่มต้นด้วยหอยเชลล์ก่อนเลย ชิ้นใหญ่เต็มคำ สดเนื้อหวานมากๆ อย่างจานนี้ 350 เยน ต่อ 2 คำถือว่าไม่แพง
ต่อด้วย Engawa ของโปรด กรึบๆดี
ขาปู เนื้อออกจะแข็งๆไปนิด
กุ้งก็อร่อย สดดีมากๆ
จานนี้หยิบมาเพราะหน้าตาดูดี แต่ก็อร่อยนะคะ ซอสหวานๆไปนิดนึง
หอยเชลล์แบบเบิร์นไฟมาเล็กน้อยนี่ก็หอมอร่อย
แซลมอนชิ้นโตๆเต็มคำ เฉพาะแซลมอนนี่เราน่าจะหยิบเกิน 5 จานค่ะ ติดใจมาก
ฟินสุดคือจานนี้ มาตอนอิ่มแล้ว แซลมอน หอยเชลล์ เอนกาวะ
มื้อนี้รวมๆแล้ว จบที่ 25 จาน 5940 เยน สำหรับ 3 คนถือว่าไม่แพงเลย
จบแล้วกับรีวิวอาหารอร่อยๆในโตเกียว จริงๆแล้วยังมีร้านอาหารเด็ดๆอีกเยอะมากให้ลิ้มลอง ถ้าเป็นคนชอบชิมชอบกินแล้วละก็ ถูกใจแน่นอน เพราะตลอดสองข้างทาง เราจะเจอร้านอาหารน่าอร่อยเต็มไปหมด ทริปโตเกียวครั้งหน้า อย่าลืมเตรียมพุงให้พร้อม แล้วไปตะลุยกินกันนะคะ
.
.
.
Comments

โตเกียว เที่ยวไหนดี
You May Also Like

Suneta Hostel สุเนต์ตา เชียงคาน
May 13, 2017
Amari Residence Hua Hin
December 8, 2015